ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันอังคาร (1 พ.ย.) โดยเริ่มต้นเดือนพ.ย.ได้อย่างสดใส ท่ามกลางความหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 414.61 จุด เพิ่มขึ้น 2.41 จุด หรือ +0.58%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,328.25 จุด เพิ่มขึ้น 61.48 จุด หรือ +0.98%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,338.74 จุด เพิ่มขึ้น 85.00 จุด หรือ +0.64% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,186.16 จุด เพิ่มขึ้น 91.63 จุด หรือ +1.29%
บรรดานักลงทุนคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในวันพุธนี้ แต่ยังคงมีความหวังว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในเดือนธ.ค.
การรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียนได้ช่วยหนุนตลาดด้วย แต่นักลงทุนก็ยังคงวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยูโรโซน ขณะที่ธนาคารกลาง (ECB) ยืนยันที่จะคุมเข้มนโยบายการเงินเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่สูงเป็นประวัติการณ์
ข่าวลือในโซเชียลมีเดียที่ว่า จีนกำลังวางแผนที่จะเปิดประเทศในเดือนมี.ค.ปีหน้าได้หนุนแรงซื้อหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหรา ซึ่งมีจีนเป็นลูกค้ารายใหญ่
หุ้นหลุยส์ วิตตอง, หุ้นเคอริ่ง, หุ้นเพอร์นอด ริคาร์ด และหุ้นแอร์เมส อินเตอร์เนชันแนล พุ่ง 1.9-3.0%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ พุ่งขึ้น 3.4% รวมถึงหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ พุ่ง 1.7% หลังราคาน้ำมันและโลหะอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง
การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนช่วยหนุนตลาดด้วย โดยบริษัท 163 แห่งในดัชนี STOXX 600 รายงานผลประกอบการออกมาแล้ว และ 58.3% รายงานผลประกอบการสูงเกินคาด
หุ้นโพรซัส พุ่ง 9.3% หลังปฏิเสธรายงานที่ว่า บริษัทอาจขายหุ้น 28% ในบริษัทเทนเซ็นต์ของจีน