ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าบวกเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนยังคงประเมินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างต่อเนื่อง พร้อมจับตาข้อมูลจ้างงานของสหรัฐที่จะเปิดเผยในวันนี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 27,103.17 จุด ร่วงลง 560.22 จุด หรือ -2.03%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 16,213.68 จุด เพิ่มขึ้น 874.19 จุด หรือ +5.70% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,060.39 จุด เพิ่มขึ้น 62.59 จุด หรือ +2.09%
ขณะที่ ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดหุ้นฮ่องกง (Hang Seng Tech) พุ่ง 7.71%
"หุ้นฮ่องกงพุ่งขึ้นโดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของกลุ่มแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตและรถไฟฟ้า ซึ่งเผชิญแรงเทขายอย่างหนักหน่วงตลอดหลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้" นายแกรี เอ็ง นักเศรษฐศาสตร์ระดับอาวุโสของบริษัทเนทิซิสกล่าว
อีกปัจจัยหลักที่หนุนหุ้นจีนและฮ่องกงคือนักลงทุนคาดการณ์ว่า จีนมีแผนที่จะยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-Covid Policy) อย่างค่อยเป็นค่อยไป และจะเปิดประเทศในที่สุด
นายหาว ฮง นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังได้ทวีตข้อความว่า ทางการจีนกำลังจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเรื่องการเปิดประเทศ และกำลังทบทวนข้อมูลด้านโควิด-19 ในต่างประเทศ เพื่อประเมินสถานการณ์หากมีการเปิดประเทศ และจีนมีเป้าหมายที่จะผ่อนคลายกฎระเบียบในการควบคุมโรคโควิด-19 ในเดือนมี.ค. 2566
ผู้ถือหุ้นแควนตัส แอร์เวย์มีกำหนดจัดการประชุมในวันนี้ ขณะที่สิงคโปร์เตรียมเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกในวันนี้
ส่วนสหรัฐมีกำหนดรายงานข้อมูลจ้างงานประจำเดือนต.ค.ในวันนี้ โดยนักเศรษฐศาสตร์ในผลสำรวจที่จัดทำโดยดาวโจนส์คาดการณ์ว่า สหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 205,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และคาดการณ์ว่าอัตราว่างงานยังคงทรงตัวที่ 3.5%
หุ้นสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ในวันพฤหัสบดี โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 146.51 จุด หรือ 0.46% แตะที่ 32,001.25 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.06% ปิดที่ 3,719.89 จุด และดัชนี Nasdaq Composite ร่วง 1.73% ปิดที่ 10,342.94 จุด