ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันอังคาร (8 พ.ย.) แตะระดับสูงสุดในรอบ 8 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐที่เป็นบวกต่อตลาด นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในยุโรปได้ช่วยหนุนตลาดด้วย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 421.61 จุด เพิ่มขึ้น 3.27 จุด หรือ +0.78%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,441.50 จุด เพิ่มขึ้น 24.89 จุด หรือ +0.39%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,688.75 จุด เพิ่มขึ้น 155.23 จุด หรือ +1.15% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,306.14 จุด เพิ่มขึ้น 6.15 จุด หรือ +0.084%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังปรับตัวในช่วงแคบๆ เกือบตลอดทั้งวัน โดยกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้นนำตลาด
หุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นตามหุ้นสหรัฐซึ่งทะยานขึ้น ขณะที่ชาวอเมริกันลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าพรรครีพับลิกันจะได้ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้
การเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด และความหวังที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ลดลงได้ช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นอย่างมากในเดือนนี้
ในบรรดาบริษัท 216 แห่งในดัชนี STOXX 600 นั้น เกือบ 60% รายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาด
หุ้นอาดิดาสพุ่งขึ้น 4.4% หลังนายบียอร์น กัลเดน ซีอีโอของบริษัทพูม่าจะเข้ารับตำแหน่งซีอีโอของอาดิดาสในวันที่ 1 ม.ค. 2566
หุ้นมิวนิค รี พุ่งขึ้น 2.7% หลังเปิดเผยผลกำไรเพิ่มขึ้น 44% ในไตรมาส 3
หุ้นแพนโดร่า ซึ่งเป็นบริษัทอัญมณีของเดนมาร์ก พุ่งขึ้น 10.64% หลังเปิดเผยยอดขายรายไตรมาสที่ดีเกินคาด ได้ช่วยหนุนตลาดด้วย
แต่หุ้นกลุ่มพลังงานลดลง 1.6% เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลงท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงอุปสงค์ที่ชะลอลงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ย่ำแย่ลงในจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่
บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วยเพื่อบ่งชี้ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ช่วยลดเงินเฟ้อลงหรือไม่