ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันพุธ (9 พ.ย.) หลังปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วัน โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ และความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 420.34 จุด ลดลง 1.27 จุด หรือ -0.30%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,430.57 จุด ลดลง 10.93 จุด หรือ -0.17%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,666.32 จุด ลดลง 22.43 จุด หรือ -0.16% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,296.25 จุด ลดลง 9.89 จุด หรือ -0.14%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงในวันพุธ หลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบสัปดาห์ในวันอังคาร โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ร่วงลง 1.8% ตามทิศทางราคาน้ำมันที่ลดลง หลังสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐสูงกว่าคาด และมีความวิตกว่าการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นของโรคโควิด-19 ในจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่จะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันเชื้อเพลิง
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐที่ลดลงท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งที่เป็นไปอย่างสูสี โดยนักลงทุนรอผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ โดยล่าสุดพรรครีพับลิกันมีคะแนนนำเล็กน้อย และพรรคเดโมแครตทำผลงานได้ดีกว่าที่คาด แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนในขณะนี้ว่าพรรคใดจะได้ควบคุมสภาคองเกรส
ตลาดปรับตัวรับการคาดการณ์ที่ว่าพรรครีพับลิกันจะได้ชัยชนะในการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นบวกต่อตลาดการเงิน
นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ โดยผลสำรวจของธนาคารกลางยุโรป (ECB) บ่งชี้ว่า การคาดการณ์เงินเฟ้อของกลุ่มผู้บริโภคในยูโรโซนยังคงปรับตัวขึ้นในเดือนก.ย. แม้การคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจและรายได้ลดลงอย่างมาก
นักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อบ่งชี้ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ช่วยควบคุมเงินเฟ้อหรือไม่
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 1.1% โดยหุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ของเยอรมนี ร่วง 7.2% หลังเปิดเผยผลกำไรสุทธิร่วง 52% ในไตรมาส 3
หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ร่วงลง 3.4% หลังเตือนเกี่ยวกับต้นทุนที่สูงขึ้นและแรงกดดันด้านงบประมาณของภาคครัวเรือน