ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงในวันพุธ (16 พ.ย.) หลังการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน โดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ถ่วงตลาดลง นอกจากนี้ เงินเฟ้อของอังกฤษที่พุ่งสูงสุดในรอบ 41 ปีได้ตอกย้ำวิกฤตค่าครองชีพที่รุนแรง และถ่วงหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลง
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,351.19 จุด ลดลง 18.25 จุด หรือ -0.25%
ตลาดถูกกดดันหลังสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษ พุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบ 41 ปีที่ 11.1% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ เนื่องจากราคาอาหาร การขนส่ง และพลังงานยังคงกดดันภาคครัวเรือนและธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ร่วงลง 1.4% โดยปรับตัวลงตามราคาทองแดง หลังจีนซึ่งเป็นผู้ใช้ทองแดงรายใหญ่ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่ระดับต่ำ ขณะที่ปริมาณทองแดงล้นตลาด
นักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยแผนงบประมาณของรัฐบาลอังกฤษในวันพฤหัสบดีนี้ (17 พ.ย.) ซึ่งคาดว่านายเจเรมี ฮันท์ รมว.คลังจะประกาศปรับขึ้นภาษีและปรับลดการใช้จ่ายเพื่อควบคุมการขยายตัวของราคา
หุ้นกลุ่มค้าปลีก ร่วงลง 2.8%
นายแอนดริว ไบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เปิดเผยว่า ตลาดแรงงานของอังกฤษอยู่ในภาวะตึงตัวอย่างมาก และเป็นเหตุผลหลักที่ BoE อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
หุ้นบีเออี ซิสเทมส์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาวุธ พุ่งขึ้น 4.2% สวนทางตลาด เนื่องจากมีความวิตกเพิ่มขึ้นด้านภูมิรัฐศาสตร์หลังมีขีปนาวุธของรัสเซียถูกยิงไปตกลงในโปแลนด์ซึ่งมีพรมแดนติดกับยูเครน
หุ้นเซจ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ พุ่ง 7.3% หลังรายงานผลกำไรจากการดำเนินงานทั้งปี เพิ่มขึ้น 8%