ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงในวันพฤหัสบดี (17 พ.ย.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มเฮลท์แคร์ ซึ่งบดบังการพุ่งขึ้นของหุ้นซีเมนส์ซึ่งหนุนตลาดหุ้นเยอรมนีปิดบวก
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 428.38 จุด ลดลง 1.79 หรือ -0.42%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,576.12 จุด ลดลง 31.10 จุด หรือ -0.47%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,266.38 จุด เพิ่มขึ้น 32.35 จุด หรือ +0.23% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,346.54 จุด ลดลง 4.65 จุด หรือ -0.06%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง แต่ยังบวก 3.9% ในเดือนนี้ และมีแนวโน้มปิดบวกติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ดีเกินคาด แม้มีความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยูโรโซนก็ตาม
ส่วนเงินเฟ้อของยูโรโซนในเดือนต.ค.ต่ำกว่าคาดเมื่อเทียบเป็นรายปี แต่ยังคงอยู่ที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์เนื่องจากราคาพลังงานพุ่งขึ้น
หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานของยุโรปนำตลาดร่วงลง 1.7% หลังราคาโลหะพื้นฐานร่วงลง ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
หุ้นรายตัวที่ปรับตัวลง อาทิ หุ้นเอ็นเอ็น กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทประกันของเนเธอร์แลนด์ ร่วงลง 4.1% หลังเปิดเผยเป้าหมายผลประกอบการปี 2568 ต่ำกว่าคาด และหุ้นเออีเอ็กซ์ ลดลง 0.1%
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเยอรมนีได้แรงหนุนจากหุ้นซีเมนส์ที่พุ่งขึ้น 7% หลังเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ที่สดใส และแสดงความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์ภาคอุตสาหกรรมในอนาคต
ส่วนหุ้นบริษัทผลิตไฟฟ้าของอังกฤษปรับตัวขึ้น อาทิ หุ้นแดรกซ์และหุ้นเซนทริกา พุ่งขึ้น 5.4% หลังนายเจเรมี ฮันท์ รมว.คลังอังกฤษเปิดเผยว่า จะปรับเพิ่มค่าไฟเฉลี่ยของภาคครัวเรือนและตรึงราคาไปจนถึงปี 2567