ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ก่อนการเปิดเผยรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 1-2 พ.ย.ในคืนนี้
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปิดทำการในวันพรุ่งนี้เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า และจะมีการซื้อขายเพียงครึ่งวันในวันศุกร์
ณ เวลา 21.58 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 34,203.0 จุด บวก 104.90 จุด หรือ 0.31%
อย่างไรก็ดี หุ้นพลังงานร่วงลงสวนทางตลาด ตามราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลง หลังมีรายงานว่า กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั้ง 7 หรือ G7 เตรียมกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียในกรอบ 65-70 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ G7 รวมทั้งสหภาพยุโรป (EU) และออสเตรเลียมีกำหนดบังคับใช้เพดานราคาน้ำมันรัสเซียดังกล่าวในวันที่ 5 ธ.ค. เพื่อเป็นมาตรการลงโทษต่อการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนในวันที่ 24 ก.พ. ซึ่งเมื่อมีการประกาศใช้จะทำให้บริษัทเดินเรือ, บริษัทประกันวินาศภัย และบริษัทประกันภัยต่อ ไม่สามารถให้บริการใดๆที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งคาร์โกน้ำมันรัสเซียที่มีราคาสูงกว่าเพดานที่ G7 และพันธมิตรกำหนดไว้
ตลาดรอการเปิดเผยรายงานการประชุมเฟดในคืนนี้เพื่อบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
ทั้งนี้ เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนพ.ย. ขณะที่นักลงทุนคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 17,000 ราย สู่ระดับ 240,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 225,000 ราย
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อรถยนต์และเครื่องบิน
ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนต.ค. หลังจากลดลง 0.8% ในเดือนก.ย.