ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพุธ (23 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มอุตสาหกรรม หลังการเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจที่ดีเกินคาดในเดือนพ.ย. และขานรับศาลฎีกาตัดสินคัดค้านการลงประชามติของสกอตแลนด์เพื่อแยกตัวเป็นเอกราชจากสหราชอาณาจักร
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,465.24 จุด เพิ่มขึ้น 12.40 จุด หรือ +0.17%
ตลาดได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ซึ่งปรับตัวขึ้น 1.5%
นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับข่าวศาลฎีกาของสหราชอาณาจักรตัดสินว่า รัฐบาลสกอตแลนด์ไม่สามารถจัดการลงประชามติเกี่ยวกับการแยกตัวเป็นเอกราชโดยปราศจากการอนุมัติจากรัฐสภาของอังกฤษ ซึ่งทำลายความหวังของชาวสกอตแลนด์ที่ต้องการจัดลงประชามติในปีหน้า
เอชไอเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอสเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของอังกฤษ เพิ่มขึ้นสู่ 48.3 ซึ่งดีกว่าที่บรรดานักเศรษฐศาสตร์ในผลสำรวจของรอยเตอร์คาดไว้ว่าจะลดลงสู่ 47.5
ตลาดหุ้นอังกฤษฟื้นตัวขึ้นอย่างมากจากแรงขายในเดือนต.ค. โดยขานรับความหวังว่าผู้นำคนใหม่ของรัฐบาลจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับงบประมาณด้านการคลังของประเทศ และคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลออัตราการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นักลงทุนรอการเปิดเผยรายงานการประชุมเดือนพ.ย.ของเฟดหลังปิดตลาด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในอนาคต ขณะที่คาดว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ โดยบรรดานักเศรษฐศาสตร์คาดว่า มีโอกาส 78% ที่ BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนธ.ค.
หุ้นรายตัวที่ปรับตัวขึ้น อาทิ หุ้นเกล็นคอร์ ซึ่งพุ่งขึ้น 3% หลังบริษัทเมทัลส์ แอกควิสิชัน คอร์ป ตกลงที่จะซื้อเหมืองทองแดงโคบาร์ของเกล็นคอร์ในออสเตรเลีย
หุ้นโรทอร์กซึ่งอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรม พุ่งขึ้น 4.4% หลังรายงานรายได้ในรอบ 4 เดือนเพิ่มขึ้น