ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นในวันพฤหัสบดี (24 พ.ย.) ที่ระดับสูงสุดครั้งใหม่ในรอบ 3 เดือน นำโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์หลังรายงานการประชุมในเดือนพ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่า เฟดอาจจะชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 440.84 จุด เพิ่มขึ้น 2.02 จุด หรือ +0.46% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,707.32 จุด เพิ่มขึ้น 28.23 จุด หรือ +0.42%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,539.56 จุด เพิ่มขึ้น 111.97 จุด หรือ +0.78% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,466.60 จุด เพิ่มขึ้น 1.36 จุด หรือ +0.018%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นแตะระดับแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค. แม้ปริมาณการซื้อขายเบาบางเนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
ตลาดได้แรงหนุนหลังเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมบ่งชี้ว่า ผู้กำหนดนโยบายส่วนใหญ่ของเฟดเห็นพ้องกันว่า อาจจะเป็นการเหมาะสมเร็ว ๆ นี้ที่จะชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ย
ส่วนรายงานการประชุมในเดือนต.ค.ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) บ่งชี้ว่า ผู้กำหนดนโยบายวิตกว่าเงินเฟ้ออาจยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป ซึ่งจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก แต่ยังคงต้องอภิปรายกันถึงระยะเวลาและขนาดของการปรับขึ้นดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลสำรวจของสถาบันไอโฟซึ่งบ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจเยอรมนีเพิ่มขึ้นมากเกินคาดในเดือนพ.ย. และความเห็นในเชิงลบในเดือนต่อ ๆ ไปนั้นได้ลดน้อยลง
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย พุ่งขึ้น 2.5% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีปรับตัวลง
การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนก็ยังคงช่วยหนุนตลาดด้วย โดยหุ้นรายตัวที่ปรับตัวขึ้น อาทิ หุ้นอเดวินตา (Adevinta) ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณาย่อยของนอร์เวย์และเป็นรายใหญ่ที่สุดของโลก พุ่งขึ้น 7.2% และหุ้นพีแซดยู (PZU) ซึ่งเป็นบริษัทประกันของโปแลนด์ พุ่งขึ้น 6.6% หลังเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่ง