ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าลบในวันนี้ โดยดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงร่วงนำตลาด เนื่องจากถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุชาวจีนลุกฮือประท้วงต่อต้านการล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 28,107.79 จุด ลดลง 175.24 จุด หรือ -0.62%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 17,225.41 จุด ลดลง 348.17 จุด หรือ -1.98% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,069.66 จุด ลดลง 32.03 จุด หรือ -1.03%
ดัชนีฮั่งเส็งเทค (Hang Seng Tech index) ของตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวลดลง 2.28%
สกุลเงินหยวนออฟชอร์อ่อนค่าลงอย่างหนัก เมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ หลังปิดสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ประมาณ 7.20 หยวนต่อดอลลาร์ ขณะที่ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลงกว่า 2 ดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2564
เหตุการณ์ประท้วงต่อต้านนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีนได้ลุกลามเป็นวงกว้างในขณะนี้ โดยกลุ่มผู้ประท้วงได้ออกมารวมตัวกันบนท้องถนนในเมืองต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงเมืองเซี่ยงไฮ้ เพื่อแสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลยังคงเดินหน้าใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์และล็อกดาวน์เมืองต่าง ๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของประชาชน ขณะที่ผู้ประท้วงบางกลุ่มเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ลาออกจากตำแหน่ง
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีนลดลง 3% เมื่อเทียบรายปี แตะระดับ 6.98 ล้านล้านหยวนในช่วงเดือนม.ค.-ต.ค. โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นการสำรวจบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของจีนที่มีรายได้ในธุรกิจหลักอย่างน้อย 20 ล้านหยวนต่อปี หรือราว 2.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า จะลดสัดส่วนการกันเงินสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.25% สู่ 7.8% และอัดฉีดเงินประมาณ 5 แสนล้านหยวนเข้าสู่ระบบการเงิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ