ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันจันทร์ (28 พ.ย.) โดยหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลง ขณะที่ตลาดทั่วโลกจับตาการประท้วงในจีนเพื่อต่อต้านมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ที่เข้มงวด ซึ่งทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจไม่แน่นอน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,474.02 จุด ลดลง 12.65 จุด หรือ -0.17%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลง หลังบวก 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน โดยหุ้นกลุ่มพลังงานถ่วงตลาดลงมากที่สุด โดยหุ้นบีพีและหุ้นเชลล์ร่วง 1% และ 0.3% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นกลุ่มประกันและกลุ่มธนาคารร่วงลงด้วยเช่นกัน
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลงจากความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ลดลงจากจีนซึ่งเกิดการประท้วงต่อต้านมาตรการควบคุมโควิด-19 ที่เข้มงวด
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงลงมากกว่า 1% หลังผลสำรวจบ่งชี้ว่า กิจกรรมในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนชะลอตัวลงในเดือนต.ค. และการขยายตัวของราคาบ้านชะลอลงสู่ระดับต่ำสุดในรายไตรมาสนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2563 ซึ่งเป็นผลกระทบจากวิกฤตค่าครองชีพที่ย่ำแย่ลง
หุ้นกลุ่มค้าปลีก ร่วงลง 1% ขณะที่ตลาดจับตายอดขายในวัน Cyber Monday หลังข้อมูลบ่งชี้ว่า จำนวนนักชอปปิงในวัน Black Friday ทั่วอังกฤษ เพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบรายปี แม้ยังต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโรคระบาดอยู่ 21.3% ก็ตาม
หุ้นรายตัวที่ปรับตัวลง อาทิ บีที กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ประกอบการด้านเครือข่ายบรอดแบนด์และโทรศัพท์เคลื่อนที่ ร่วง 2.4% หลังประกาศปรับเพิ่มเงินเดือนพิเศษ ซึ่งสะท้อนถึงค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น
หุ้นเพอร์ซิมมอน ซึ่งเป็นบริษัทสร้างบ้าน ร่วง 3.7% หลังยูบีเอสปรับลดคำแนะนำลงทุนจาก "คงน้ำหนักลงทุน" เป็น "ขาย"