ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันอังคาร (29 พ.ย.) นำโดยหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งปรับตัวขึ้นขานรับความเป็นไปได้ที่จีนจะผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ขณะที่การพุ่งขึ้นของหุ้นเอชเอสบีซีช่วยหนุนตลาดด้วย หลังตกลงขายธุรกิจในแคนาดาให้กับธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ แคนาดา (RBC)
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,512.00 จุด เพิ่มขึ้น 37.98 จุด หรือ +0.51% ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย.
หุ้นกลุ่มการเงินนำตลาดปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเอชเอสบีซี และหุ้นสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด พุ่ง 4.4% และ 5% ตามลำดับ
รัฐบาลอังกฤษเปิดเผยในวันอังคารว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์เพื่ออนุญาตให้ธนาคารต่าง ๆ รับความเสี่ยงได้มากขึ้นเพื่อช่วยรักษาสถานะของกรุงลอนดอนในฐานะศูนย์กลางการเงินชั้นนำของโลก
หุ้นเอชเอสบีซี พุ่ง 4.4% หลังตกลงขายธุรกิจในแคนาดาให้กับ RBC เป็นเงินสด 1.35 หมื่นล้านดอลลาร์แคนาดา (1.004 หมื่นล้านดอลลาร์)
หุ้นกลุ่มโลหะพื้นฐานพุ่งขึ้น 3.1% สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. โดยราคาฟื้นตัวจากมาตรการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีนซึ่งเป็นประเทศที่ใช้โลหะรายใหญ่ของโลก
หุ้นกลุ่มน้ำมัน อาทิ บีพีและเชลล์ พุ่งขึ้น 1.8% และ 1.7% ตามลำดับ หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นขานรับความหวังว่า จีนจะผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19
ทางการจีนได้พยายามที่จะลดความไม่พอใจของประชาชนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับมาตรการโควิดเป็นศูนย์ โดยระบุว่าจีนจะเร่งการฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุ