ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 700 จุดในวันพุธ (30 พ.ย.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,589.77 จุด พุ่งขึ้น 737.24 จุด หรือ +2.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,080.11 จุด เพิ่มขึ้น 122.48 จุด หรือ +3.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,468.00 จุด พุ่งขึ้น 484.22 จุด หรือ +4.41%
นายพาวเวลได้กล่าวปาฐกถาว่าด้วยนโยบายการเงินและการคลัง ที่สถาบันบรู้กกิงส์เมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยระบุว่า เฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนธ.ค. ขณะเดียวกันก็เตือนว่า ภารกิจของเฟดในการต่อสู้กับเงินเฟ้อนั้นยังอีกยาวไกล และยังมีคำถามสำคัญหลายอย่างที่เฟดยังไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งรวมถึงคำถามที่ว่าอัตราดอกเบี้ยจำเป็นต้องถูกปรับขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดที่เท่าใดและใช้ระยะเวลานานเท่าใด
"ผมคิดว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่เราจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เมื่อเราได้ปรับขึ้นไปจนถึงระดับที่เรามั่นใจว่ามีศักยภาพมากพอที่จะฉุดเงินเฟ้อให้อ่อนแรงลง สำหรับช่วงเวลาที่จะเริ่มชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น อย่างเร็วที่สุดน่าจะเป็นช่วงการประชุมเดือนธ.ค." นายพาวเวลกล่าว
ข้อมูลจาก FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า หลังจากนายพาวเวลส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในงานเสวนาดังกล่าวแล้ว นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 25% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนธ.ค. เทียบกับช่วงก่อนที่นายพาวเวลแถลงที่นักลงทุนให้น้ำหนักสูงถึง 75%
ทั้งนี้ การที่เฟดส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย รวมทั้งข้อมูลที่บ่งชี้ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อของสหรัฐเริ่มลดลงนั้น เป็นปัจจัยหนุนตลาด โดยสำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานลดลง 353,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 10.3 ล้านตำแหน่งในเดือนต.ค. โดยตัวเลข JOLTS เป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ขณะที่ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 127,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 190,000 ตำแหน่ง หลังจากพุ่งขึ้น 239,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค.
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มผู้ผลิตชิปพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 6.16% หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ ทะยานขึ้น 7.89% หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 4.86% หุ้นอินวิเดีย พุ่งขึ้น 8.24% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) พุ่งขึ้น 5.78% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 4.05% หุ้นควอลคอมม์ ทะยานขึ้น 7.53%
หุ้นเทสลาพุ่งขึ้น 7.67% หลังจากมีรายงานว่า ยอดขายรถยนต์ของเทสลาในประเทศจีนเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ย. โดยได้แรงหนุนจากการที่บริษัทปรับลดราคาและเสนอแรงจูงใจในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Model 3 และ Model Y
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 2.9% สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งอยู่ที่ 2.6% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.7%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนพ.ย.จะทรงตัวที่ระดับ 3.7%