ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (30 พ.ย.) และปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันจากความหวังเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ในจีน และหลังจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ชะลอตัวของยูโรโซนได้สนับสนุนโอกาสที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอลง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 440.04 จุด เพิ่มขึ้น 2.75 จุด หรือ +0.63% และปรับตัวขึ้น 6.8% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,738.55 จุด เพิ่มขึ้น 69.58 จุด หรือ +1.04%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,397.04 จุด เพิ่มขึ้น 41.59 จุด หรือ +0.29% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,573.05 จุด เพิ่มขึ้น 61.05 จุด หรือ +0.81%
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราที่พึ่งพาตลาดจีนปรับตัวขึ้นมากที่สุด ตามด้วยกลุ่มรถยนต์และสินค้าโภคภัณฑ์ ขานรับรายงานข่าวที่ว่าเมืองใหญ่ ๆ ของจีน อาทิ กว่างโจวและฉงชิ่ง ประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ในวันพุธหลังจากที่มีการประท้วงต่อต้านมาตรการที่เข้มงวดที่สุดในโลก
อย่างไรก็ตาม จีนยังไม่มีแนวโน้มที่จะยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศยังคงสูงเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับแนวโน้มที่ ECB อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในเดือนธ.ค.หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของยูโรโซนขยายตัว 10% ในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 10.4% และต่ำกว่า 10.6% ของเดือนต.ค.
สำหรับหุ้นรายตัวที่ปรับตัวขึ้น อาทิ หุ้นอาร์เจนเอ็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทชีวเวชภัณฑ์ของเนเธอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 7.1% หลังประกาศข้อตกลงซื้อสิทธิ์ Priority Review Voucher (PRV) ของสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐ เป็นมูลค่า 102 ล้านดอลลาร์ เพื่อขอรับการพิจารณาเร่งด่วนสำหรับการยื่นขออนุญาตจำหน่ายเวชภัณฑ์
หุ้นยูไนเต็ด อินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทเลคอมของเยอรมนี พุ่ง 5.4% หลังยูบีเอสปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุนเป็น "ซื้อ"