ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพุธ (30 พ.ย.) และปรับตัวขึ้นรายเดือนมากที่สุดในรอบ 2 ปี โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ขานรับความหวังที่ว่าอุปสงค์จากจีนจะฟื้นตัวขึ้น และความวิตกด้านการเมืองในอังกฤษคลี่คลายลง
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,573.05 จุด เพิ่มขึ้น 61.05 จุด หรือ +0.81% และปรับตัวขึ้น 6.7% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2563
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ อาทิ เกล็นคอร์, ริโอ ทินโต และแองโกล อเมริกัน นำตลาดปรับตัวขึ้น หลังบริษัทเจฟเฟอรีส์แสดงความเห็นเชิงบวกเกี่ยวกับหุ้นกลุ่มนี้
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้น 12.9% แล้วนับตั้งแต่แตะระดับต่ำสุดเมื่อวันที่ 13 ต.ค. ขณะที่ผู้นำรัฐบาลชุดใหม่ของอังกฤษพยายามที่จะฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อภาวะเศรษฐกิจของอังกฤษ ท่ามกลางเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นและวิกฤตค่าครองชีพที่รุนแรง
หุ้นรายตัวที่ปรับตัวขึ้น อาทิ หุ้นฟลัทเทอร์ เอนเทอร์เทนเมนต์ พุ่งขึ้น 2.2% หลังเจพี มอร์แกน ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้นดังกล่าว
หุ้นโรลส์-รอยซ์ พุ่ง 2% หลังบาร์เคลย์สแนะนำ "เพิ่มน้ำหนักการลงทุน" ในหุ้นตัวนี้