ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้น หลังการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุด
ณ เวลา 21.08 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 40 จุด หรือ 0.12% สู่ระดับ 34,639 จุด
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 700 จุดวานนี้ ขานรับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณเฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 6.0% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวจากระดับ 6.3% ในเดือนก.ย.
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 0.3% เช่นกันในเดือนก.ย.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% หลังจากดีดตัว 0.5% ในเดือนก.ย.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 5.0% ในเดือนต.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 5.2% ในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 260,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนพ.ย.จะทรงตัวที่ระดับ 3.7%