ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันศุกร์ (2 ธ.ค.) จากแรงขายทำกำไร หลังตลาดบวกขึ้นแข็งแกร่ง 2 วันติดต่อกัน และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกันแล้ว โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่จีนจะเปิดประเทศ และนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 443.29 จุด ลดลง 0.67 จุด หรือ -0.15% หลังทะยานขึ้น 1.5% ในช่วง 2 วันก่อนหน้า แต่ยังคงปรับตัวขึ้นได้ 0.6% ในรอบสัปดาห์นี้ และเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ต่อเนื่องกันนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2564
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,742.25 จุด ลดลง 11.72 จุด หรือ -0.17%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,529.39 จุด เพิ่มขึ้น 39.09 จุด หรือ +0.27% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,556.23 จุด ลดลง 2.26 จุด หรือ -0.03%
หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเทคโนโลยีถ่วงตลาดลงมากที่สุด และบดบังการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มค้าปลีก
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยร่วงลง หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนเพิ่มขึ้นตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ย.
ส่วนหุ้นรายตัวที่ปรับตัวลง อาทิ หุ้นซาโนฟี่ของฝรั่งเศส ร่วงลง 1.9% หลังเปิดเผยว่าจะเสนอซื้อหุ้นฮอริซอน เทอราพิวติกส์ด้วยเงินสด
แต่หุ้นเครดิตสวิส พุ่ง 9.3% สวนทางตลาด หลังราคาร่วงลงติดต่อกัน 12 วัน แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์