ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันจันทร์ (5 ธ.ค.) โดยถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจของยูโรโซนลดลง แต่ความหวังเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ในจีนได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และหุ้นของธุรกิจที่พึ่งพาตลาดจีน
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 441.47 จุด ลดลง 1.82 จุด หรือ -0.41%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,696.96 จุด ลดลง 45.29 จุด หรือ -0.67%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,447.61 จุด ลดลง 81.78 จุด หรือ -0.56% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,567.54 จุด เพิ่มขึ้น 11.31 จุด หรือ +0.15%
ตลาดถูกกดดันจากข้อมูลที่มีการเปิดเผยในวันจันทร์ซึ่งบ่งชี้ว่า กิจกรรมทางธุรกิจของยูโรโซนลดลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันในเดือนพ.ย. ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบ หลังนายแกเบรียล มาคลูฟ กรรมการธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุว่า ECB มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในสัปดาห์หน้า ท่ามกลางความวิตกอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิ เนสท์เล่ และลอรีอัล ร่วงลงและฉุดตลาดลงมากที่สุด
แต่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ปรับตัวขึ้น 0.6% โดยได้แรงหนุนจากราคาโลหะพื้นฐานและโลหะมีค่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนขานรับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงนโยบายควบคุมโรคโควิด-19 ในจีน หลังจากการประท้วงครั้งใหญ่ของประชาชนในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมาเพื่อต่อต้านมาตรการที่เข้มงวด
หุ้นโวดาโฟน ปรับตัวลง หลังเปิดเผยว่า นายนิค รีด ซีอีโอของบริษัทจะลาออกจากตำแหน่งในสิ้นปีนี้
ส่วนหุ้นเครดิตสวิส พุ่งขึ้น 2.9% สวนทางตลาด หลังวอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานเมื่อวันอาทิตย์ (4 ธ.ค.) ว่า นักลงทุนหลายรายรวมถึงมกุฎราชกุมารของซาอุดีอาระเบียและบริษัทด้านการลงทุนของสหรัฐที่บริหารงานโดยอดีตซีอีโอของบาร์เคลย์ส ได้แสดงความสนใจลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์หรือมากกว่าในบริษัทด้านวาณิชธนกิจแห่งใหม่ของเครดิตสวิส