ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพุธ (7 ธ.ค.) เป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน โดยหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคารร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย แต่การปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ได้ช่วยพยุงตลาด
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 436.20 จุด ลดลง 2.72 จุด หรือ -0.62%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,660.59 จุด ลดลง 27.20 จุด หรือ -0.41%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,261.19 จุด ลดลง 82.00 จุด หรือ -0.57% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,489.19 จุด ลดลง 32.20 จุด หรือ -0.43%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐที่ปิดลบเมื่อวันอังคาร หลังจากธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐออกมาเตือนเกี่ยวกับแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า
ตลาดจะรอผลการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์หน้า เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางนโยบายการเงิน
หุ้นกลุ่มพลังงานนำตลาดร่วงลง โดยปรับตัวลง 2.0% ตามราคาน้ำมันดิบที่ลดลง หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเกินคาด ซึ่งเพิ่มความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์ในตลาดที่ได้รับผลกระทบอยู่แล้วจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งส่งผลถ่วงตลาดยุโรปลงด้วย
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนร่วงแตะระดับต่ำสุดครั้งใหม่ในรอบหลายสัปดาห์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่ว่าอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนจะแตะระดับสูงสุดเมื่อใด
ผลสำรวจบ่งชี้ว่า มีการคาดการณ์เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในช่วงปีหน้า แต่การคาดการณ์ในช่วง 3 ปีข้างหน้าไม่เปลี่ยนแปลงที่ 3.0% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของ ECB ที่ระดับ 2%
ส่วนข้อมูลจากยูโรสแตทเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของยูโรโซนขยายตัวมากกว่าคาดเล็กน้อย เนื่องจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและการลงทุนทางธุรกิจช่วยหนุนเศรษฐกิจ
หุ้นรายตัวที่ปรับตัวลง อาทิ หุ้นแอร์บัส ร่วงลง 2.2% หลังยกเลิกคาดการณ์การส่งมอบเครื่องบิน และวันที่ในการบรรลุเป้าหมายการผลิตหลัก
แต่หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ปรับตัวขึ้นสวนทางตลาดโดยรวม โดยหุ้นแกล็กโซสมิทไคล์น และหุ้นซาโนฟี่ พุ่ง 7.5% และ 6.1% ตามลำดับ โดยได้แรงหนุนจากการยกฟ้องหลายพันคดีในสหรัฐที่กล่าวหาว่ายา Zantac ซึ่งเป็นยาแก้อาการเสียดท้องนั้นก่อให้เกิดโรคมะเร็ง