ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าผสมผสานในวันนี้ โดยดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงพุ่งขึ้นเกือบ 3% หลังมีรายงานว่าฮ่องกงเตรียมยกเลิกกฎการสวมหน้ากากอนามัยนอกอาคาร แต่นิกเกอิของญี่ปุ่นปิดเช้าลบ โดยเคลื่อนไหวตามตลาดดัชนี S&P500 ที่ปรับตัวลงในวันพุธ (7 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ทั้งนี้ ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าที่ระดับ 27,480.49 จุด ลดลง 205.91 จุด หรือ -0.74%, ดัชนีฮั่งเส็งปิดภาคเช้าที่ระดับ 19,341.32 จุด เพิ่มขึ้น 526.50 จุด หรือ +2.80% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,203.96 จุด เพิ่มขึ้น 4.34 หรือ +0.14%
หนังสือพิมพ์เหวิ่นเหว่ยโป่ (Wen Wei Po) รายงานว่า รัฐบาลฮ่องกงกำลังพิจารณายกเลิกข้อกำหนดการสวมหน้ากากอนามัยนอกอาคาร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ดัชนี S&P500 ของตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่าการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,597.92 จุด เพิ่มขึ้น 1.58 จุด หรือ +0.005%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,933.92 จุด ลดลง 7.34 จุด หรือ -0.19% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,958.55 จุด ลดลง 56.34 จุด หรือ -0.51%
ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดเช้านี้ลดลง แม้รัฐบาลญี่ปุ่นปรับเพิ่มประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2565 ในวันนี้ โดยระบุว่า GDP หดตัวลงเพียง 0.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งดีกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่า GDP หดตัวลง 1.2% และดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า GDP อาจหดตัว 1.1% ในไตรมาสดังกล่าว
เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส GDP ไตรมาส 3 ของญี่ปุ่น หดตัวลง 0.2% ซึ่งดีกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่าหดตัว 0.3%