ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันพฤหัสบดี (8 ธ.ค.) เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยถูกกดดันหลังการเปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการที่ซบเซาของบริษัทจดทะเบียน และนักลงทุนชะลอการเข้าซื้อหุ้น เพื่อรอดูผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางรายใหญ่ในสัปดาห์หน้า อาทิ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,472.17 จุด ลดลง 17.02 จุด หรือ -0.23%
หุ้นกลุ่มค้าปลีกถ่วงตลาดลงมากที่สุด โดยร่วงลง 1.9% ขณะที่หุ้นเฟรเซอร์ส กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทเสื้อผ้ากีฬา ดิ่งลง 9% หลังเตือนเกี่ยวกับแนวโน้มธุรกิจที่ไม่แน่นอน แม้เปิดเผยผลกำไรครึ่งปีสดใสก็ตาม
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก ท่ามกลางความวิตกเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และนักลงทุนรอดูการกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่าง ๆ
BoE มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% สู่ระดับ 3.5% ในสัปดาห์หน้า เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อซึ่งอยู่สูงกว่าเป้าหมายของ BoE มากกว่า 5 เท่า
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้าด้วย
หุ้นตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ร่วงลง 6.4% หลังยูบีเอสปรับลดคำแนะนำลงทุนเป็น "คงน้ำหนักการลงทุน"
หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ร่วง 3.1% หลังคาดว่าต้นทุนการเงินสุทธิจะแตะระดับสูงถึง 1.6 พันล้านปอนด์ (1.95 พันล้านดอลลาร์) ในปี 2565
ส่วนหุ้นวิซ แอร์ พุ่งขึ้น 4.3% สวนทางตลาด หลังแบงก์ออฟอเมริกา ปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุนเป็น "ซื้อ" เนื่องจากคาดว่าความต้องการเดินทางจะดีดตัวขึ้น