ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดในวันจันทร์ (12 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นไมโครซอฟท์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในอังคาร และผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธตามเวลาสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,005.04 จุด พุ่งขึ้น 528.58 จุด หรือ +1.58%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,990.56 จุด เพิ่มขึ้น 56.18 จุด หรือ +1.43% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,143.74 จุด เพิ่มขึ้น 139.12 จุด หรือ +1.26%
ตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากราคาหุ้นไมโครซอฟท์ที่พุ่งขึ้น 2.89% หลังจากบริษัทประกาศเป็นพันธมิตรกับกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (London Stock Exchange Group - LSEG) โดยไมโครซอฟท์จะเข้าซื้อหุ้นของ LSEG ในสัดส่วน 4% จากผู้ถือหุ้นเดิมคือแบล็คสโตน/ธอมสัน รอยเตอร์ คอนซอร์เทียม (Blackstone/Thomson Reuters Consortium)
ทั้งนี้ ข้อตกลงส่วนหนึ่งระบุว่า ในช่วงเวลา 10 ปีข้างหน้า LSEG จะใช้บริการคลาวด์และซัพพอร์ตจากไมโครซอฟท์ เป็นมูลค่าอย่างน้อย 2.8 พันล้านดอลลาร์ และจะมีการเชื่อมระบบ LSEG Workspace เข้ากับผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์ ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนรายได้ของไมโครซอฟท์ให้แข็งแกร่งขึ้น
หุ้นโบอิ้ง ทะยานขึ้น 3.75% และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่หนุนดัชนีดาวโจนส์ หลังจากมีรายงานว่าโบอิ้งใกล้จะบรรลุข้อตกลงขายเครื่องบินให้กับสายการบินแอร์อินเดีย
หุ้นไฟเซอร์ ดีดตัวขึ้น 0.85% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่า รายได้จากการจำหน่ายวัคซีนทั่วโลกในปี 2566 จะอยู่ที่ 1-1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงวัคซีน mRNA ป้องกันโรคโควิด-19
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดีดตัวขึ้น 3% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นเชฟรอน ดีดขึ้น 0.99% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ทะยานขึ้น 3.91% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 1.6%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนพ.ย.ของสหรัฐในวันนี้ (13 ธ.ค.) โดยดัชนี CPI เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไปซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะขยายตัว 7.3% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอลงจากเดือนต.ค.ที่มีการขยายตัว 7.7% และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 6.1% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอลงจากเดือนต.ค.ที่มีการขยายตัว 6.3%
นักลงทุนยังจับตาผลการประชุมเฟดในวันพุธที่ 14 ธ.ค.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ 15 ธ.ค.ตามเวลาไทย นอกจากนี้ ยังรอดูถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2566 และการเปิดเผยคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะส่งสัญญาณแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟดจนถึงปี 2568
ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมรอบนี้ หลังจากปรับขึ้น 0.75% เป็นจำนวน 4 ครั้งติดต่อกัน