ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันพฤหัสบดี (15 ธ.ค.) โดยร่วงลงวันเดียวหนักที่สุดในรอบกว่า 2 เดือน หลังธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ตามคาด และส่งสัญญาณเช่นเดียวกับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ว่า อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,426.17 จุด ลดลง 69.76 จุด หรือ -0.93%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลงเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. หลัง BoE ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 3.50% ในการประชุมวันพฤหัสบดีตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ดี คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) มีความเห็นไม่เป็นเอกฉันท์ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 9 ติดต่อกัน โดยกรรมการ 6 รายลงมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ขณะที่ 1 รายให้ปรับขึ้น 0.75% ส่วนอีก 2 รายมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงอย่างรุนแรงด้วย หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% เช่นกัน และส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น
หุ้นกลุ่มธนาคารที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยร่วงลง 1.4% และหุ้นเอชเอสบีซี ร่วง 1.0% หลังกลุ่มนักลงทุนในฮ่องกงเรียกร้องให้ธนาคารกลับมาจ่ายเงินปันผลและจัดทำแผนการแยกธุรกิจ