ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันศุกร์ (16 ธ.ค.) และปรับตัวลงในรอบสัปดาห์นี้มากที่สุดในรอบกว่า 2 เดือน เนื่องจากการเปิดเผยยอดค้าปลีกของอังกฤษที่อ่อนแอ และการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกของบรรดาธนาคารกลางรายใหญ่นั้น ทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,332.12 จุด ลดลง 94.05 จุด หรือ -1.27%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลงปิดตลาดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน โดยหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ รวมถึงหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ถ่วงตลาดลง
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังปรับตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในสัปดาห์นี้ และส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปแม้สัญญาณการขยายตัวของเศรษฐกิจชะลอลง
อังกฤษเปิดเผยข้อมูลในวันศุกร์ว่า ยอดค้าปลีกลดลงเกินคาดในเดือนพ.ย. และกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการหดตัว
เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมของอังกฤษ เพิ่มขึ้นเกินคาดสู่ 49.0 ในเดือนธ.ค. จาก 48.2 ในเดือนพ.ย.
หุ้นกลุ่มสร้างบ้านร่วง 2.7% หลังฮาลิแฟกซ์ซึ่งเป็นบริษัทปล่อยกู้จำนองคาดว่า ราคาบ้านในอังกฤษจะลดลงในปีหน้าราว 8%
แต่หุ้นเกม เวิร์กช็อป พุ่ง 16.1% สวนทางตลาด หลังแอมะซอน ยักษ์ใหญ่ด้านอี-คอมเมิร์ซของสหรัฐตกลงที่จะผลิตภาพยนตร์และคอนเทนต์ทางโทรทัศน์ร่วมกับเกม เวิร์กช็อป