ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันอังคาร (20 ธ.ค.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย อาทิ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มอุตสาหกรรม หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ฉุดตลาดลงทั่วโลกด้วยการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินที่สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตร เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 424.18 จุด ลดลง 1.69 จุด หรือ -0.40%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,450.43 จุด ลดลง 22.86 จุด หรือ -0.35%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,884.66 จุด ลดลง 58.21 จุด หรือ -0.42% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,370.62 จุด เพิ่มขึ้น 9.31 จุด หรือ +0.13%
BOJ ลงมติขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีสู่ช่วง -0.50% ถึง +0.50% จากเดิมที่ระดับ -0.25% ถึง +0.25% โดยมีเป้าหมายที่จะลดต้นทุนการกระตุ้นด้านการเงินในระยะยาว
ตลาดมองว่าการปรับนโยบายการเงินของ BOJ เป็นการเริ่มต้นแนวโน้มที่จะยุติการผ่อนคลายนโยบายการเงินเป็นพิเศษของญี่ปุ่น หลังจากบรรดาธนาคารกลางรายใหญ่เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
ตลาดหุ้นเยอรมนีร่วงลง หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือน ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันนั้น ไม่ได้ช่วยคลายความวิตกในตลาด
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ลดลง 1.2% และ 0.8% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ร่วงลง 2.2% สู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 6 เดือน
แต่หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด โดยพุ่งขึ้น 2.5% เนื่องจากมักได้รับประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้น
หุ้นบริษัทสินค้าหรูหรา อาทิ หลุยส์วิตตอง และเคอริ่งซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์กุชชี่ ร่วงลง 0.6% และ 3.8% ตามลำดับ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในจีนซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่
ส่วนการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยูโรโซนที่เพิ่มขึ้น 1.7 จุดในเดือนธ.ค.นั้นไม่สามารถช่วยหนุนตลาดแต่อย่างใด