ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (21 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทไนกี้ได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มค้าปลีกของยุโรปปรับตัวขึ้นด้วย นอกจากนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในยูโรโซนยังช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 431.44 จุด เพิ่มขึ้น 7.26 จุด หรือ +1.71%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,580.24 จุด เพิ่มขึ้น 129.81 จุด หรือ +2.01%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,097.82 จุด เพิ่มขึ้น 213.16 จุด หรือ +1.54% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,497.32 จุด เพิ่มขึ้น 126.70 จุด หรือ +1.72%
ตลาดได้แรงหนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น โดยสถาบัน GfK เปิดเผยผลสำรวจบ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเยอรมนีซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรปนั้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากราคาพลังงานที่พุ่งขึ้นนั้นดูเหมือนได้ผลดี
นอกจากนี้ ผลสำรวจที่เปิดเผยเมื่อวันอังคารยังบ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยูโรโซนเพิ่มขึ้นในเดือนธ.ค.ด้วย
ส่วนผลสำรวจของสมาพันธ์อุตสาหกรรมอังกฤษบ่งชี้ว่า บริษัทค้าปลีกของอังกฤษรายงานเกี่ยวกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในเดือนธ.ค.
หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยนำตลาดปรับตัวขึ้น หลังบริษัทไนกี้ของสหรัฐเปิดเผยรายได้และผลกำไรรายไตรมาสสูงเกินคาด
หุ้นกลุ่มค้าปลีกทะยานขึ้น หลังจากหุ้นอาดิดาสและหุ้นพูม่า พุ่ง 6.8% และ 9.5% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นเจดี สปอร์ต พุ่ง 6.1%
หุ้นกลุ่มธนาคาร ปรับตัวขึ้น 1.6% โดยได้แรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้น
ส่วนหุ้นรายตัวที่บวกขึ้นนั้น หุ้นฟิลิปส์ บริษัทเทคโนโลยีด้านสุขภาพของเนเธอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 5.7% หลังเปิดเผยว่า การทดสอบอุปกรณ์ช่วยหายใจของบริษัทนั้นได้ผลในเชิงบวก