ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (2 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันแรกของการซื้อขายในปี 2566 โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตของยูโรโซน ซึ่งบ่งชี้ว่าภาวะเลวร้ายที่สุดได้ผ่านพ้นไปแล้ว หลังจากที่ตลาดถูกกดดันในปีที่ผ่านมาจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่ธนาคารกลางต่าง ๆ แห่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั่วโลก
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 428.95 จุด เพิ่มขึ้น 4.06 จุด หรือ +0.96%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,594.57 จุด เพิ่มขึ้น 120.81 จุด หรือ +1.87% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,069.26 จุด เพิ่มขึ้น 145.67 จุด หรือ +1.05%
ส่วนตลาดหุ้นลอนดอนยังคงปิดทำการในวันจันทร์ เนื่องในวันปีใหม่
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น หลังเอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซน ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 47.8 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 47.1 ในเดือนพ.ย.
อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของยูโรโซนยังคงหดตัว โดยหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6
ตลาดได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย อาทิ หลุยส์วิตตอง และเคอริ่ง ซึ่งบวกขึ้นราว 2% ขณะที่หุ้นกลุ่มรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ พุ่งขึ้น 3.2%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้น 1.6% แม้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังคงส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินก็ตาม
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 1.8% โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น