ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (4 ม.ค.) เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของฝรั่งเศสที่ลดลง และข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจของยูโรโซนที่ดีเกินคาด
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 440.19 จุด เพิ่มขึ้น 6.01 จุด หรือ +1.38%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,776.43 จุด เพิ่มขึ้น 152.54 จุด หรือ +2.30%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,490.78 จุด เพิ่มขึ้น 309.11 จุด หรือ +2.18% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,585.19 จุด เพิ่มขึ้น 31.10 จุด หรือ +0.41%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หลังการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า กิจกรรมทางธุรกิจของยูโรโซนหดตัวลงน้อยกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาวะถดถอยอาจจะไม่รุนแรงอย่างที่วิตกกัน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของฝรั่งเศสลดลงในเดือนธ.ค.จากระดับสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนพ.ย.
นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยรายงานการประชุมในเดือนธ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้อัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในอนาคต
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น 3.6% แล้วในการซื้อขาย 3 วันแรกของปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากราคาสัญญาล่วงหน้าก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลง และความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนหลังยกเลิกมาตรการควบคุมโรคโควิด-19
หุ้นของบริษัทสินค้าหรูหราที่พึ่งพาตลาดจีน อาทิ หลุยส์วิตตอง และริชมอนด์ พุ่ง 5.0% และ 2.4% ตามลำดับ
หุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย อาทิ กลุ่มธนาคาร และกลุ่มประกัน นำตลาดปรับตัวขึ้นด้วย
ส่วนหุ้นรายตัวที่ปรับตัวขึ้น อาทิ หุ้นบีเคดับบลิว ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของสวิตเซอร์แลนด์ พุ่ง 3.8% หลังบริษัทปรับเพิ่มแนวโน้มผลประกอบการปี 2565