ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวกสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ หุ้นเหมือง-น้ำมันหนุนตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday January 7, 2023 07:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (6 ม.ค.) ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มน้ำมัน หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานในสหรัฐที่ขยายตัวปานกลางได้ช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 444.42 จุด เพิ่มขึ้น 5.09 จุด หรือ +1.16% และปรับตัวขึ้น 4.6% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 9 เดือน

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,860.95 จุด เพิ่มขึ้น 99.45 จุด หรือ +1.47% , ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,610.02 จุด เพิ่มขึ้น 173.71 จุด หรือ +1.20% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,699.49 จุด เพิ่มขึ้น 66.04 จุด หรือ +0.87%

หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานของยุโรปพุ่งขึ้น 2.5% โดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่พึ่งพาตลาดจีนนั้นทะยานขึ้นตามราคาทองแดงที่ปรับตัวขึ้น นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานทะยานขึ้น 1.8% โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น

ตลาดหุ้นยุโรปได้แรงหนุนหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 223,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง

ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.5% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.7% ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน โดยชะลอตัวจากระดับ 0.6% ในเดือนพ.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.4%

เมื่อเทียบรายปี ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 4.6% ในเดือนธ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.0%

การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในยุโรปได้ช่วยหนุนตลาดด้วย โดยยอดค้าปลีกในเยอรมนีเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ย. ซึ่งได้ตอกย้ำข้อมูลเศรษฐกิจเชิงบวกในสัปดาห์นี้ ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะถดถอยที่รุนแรงน้อยกว่าคาด และแรงกดดันด้านราคาที่ลดลงในบางประเทศ

ความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจยูโรโซนดีขึ้นในเดือนธ.ค.เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มสงครามในยูเครน ขณะที่ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ และการคาดการณ์เงินเฟ้อร่วงลงอย่างรุนแรง

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยปิดบวก 1.8% เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนลดลง

หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ เพิ่มขึ้น 0.8% โดยหุ้นโรช โฮลดิ้ง เอจี พุ่ง 0.9% หลังเปิดเผยว่า สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐได้ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกในการทบทวน "โกลฟิทาแมบ" (Glofitamab) ซึ่งเป็นแอนติบอดีที่โรชพัฒนาขึ้น

หุ้นเชลล์ พุ่ง 1.7% หลังเปิดเผยว่า ผลประกอบการจากการค้าก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมากในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว แม้ผลผลิตลดลงอย่างมากก็ตาม

แต่หุ้นสเตลแลนติส ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของไครสเลอร์ ร่วงลง 0.7% หลังนายคาร์ลอส ทาวาเรส ซีอีโอของบริษัทเตือนว่าอาจจะมีการปิดโรงงานผลิตรถยนต์มากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ