ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวกว่า 100 จุด ก่อนการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันพรุ่งนี้
ณ เวลา 21.38 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 121.86 จุด หรือ 0.36% สู่ระดับ 33,825.96 จุด
ตลาดหุ้นได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในวันนี้
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์จะช่วยเพิ่มกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้จากต่างประเทศ ส่วนการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น และช่วยลดต้นทุนการชำระหนี้ของบริษัทต่างๆ ทำให้บริษัทเหล่านี้สามารถเพิ่มการลงทุน และเพิ่มการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
นักลงทุนจับตาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนธ.ค.ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคาดว่าตัวเลข CPI ดังกล่าวจะบ่งชี้ภาวะชะลอตัวของเงินเฟ้อสหรัฐ
ทั้งนี้ ผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 6.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวจากระดับ 7.1% ในเดือนพ.ย.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI ทั่วไปทรงตัวในเดือนธ.ค. หรือ +0.0% จากระดับ 0.1% ในเดือนพ.ย.
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 5.7% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวจากระดับ 6.0% ในเดือนพ.ย.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค. จากระดับ 0.2% ในเดือนพ.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐในวันศุกร์ ได้แก่ เจพีมอร์แกน, ซิตี้กรุ๊ป, แบงก์ ออฟ อเมริกา และเวลส์ ฟาร์โก