ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันวันที่ 2 ในวันพุธ (11 ม.ค.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐจะชะลอตัวลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ผ่อนคันเร่งในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,973.01 จุด พุ่งขึ้น 268.91 จุด หรือ + 0.80%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,969.61 จุด เพิ่มขึ้น 50.36 จุด หรือ +1.28% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,931.67 จุด เพิ่มขึ้น 189.04 จุด หรือ +1.76%
กระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนธ.ค.ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไปซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 6.5% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 7.1% ในเดือนพ.ย.
ขณะนี้นักลงทุนในตลาดการเงินให้น้ำหนักมากถึง 75% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมเดือนก.พ.
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์พุ่งขึ้น 3.6% และดัชนีกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้น 2.68%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นแอมะซอน ทะยานขึ้น 5.81% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 1.49% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 3.51% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 3.02% หุ้นแอปเปิ้ล ดีดขึ้น 2.11%
หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 3.68% หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เทสลาใกล้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ในอินโดนีเซีย โดยมีกำลังการผลิตรถยนต์ 1 ล้านคันต่อปี
หุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเครื่องใช้ภายในบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้นแข็งแกร่งถึง 68.6% โดยได้แรงหนุนจากมุมมองบวกที่ว่าเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ อาจได้รับข้อเสนอซื้อกิจการจากบริษัทอื่น ๆ หลังเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ รวมทั้งมีความเป็นไปได้ที่ทางบริษัทจะยื่นคำร้องต่อศาลสหรัฐเพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 11 ของกฎหมายล้มละลาย
นอกเหนือจากดัชนี CPI ของสหรัฐแล้ว นักลงทุนยังจับตาผลประกอบการของธนาคารขนาดใหญ่ในวันศุกร์ ซึ่งได้แก่ เจพีมอร์แกน, ซิตี้กรุ๊ป, แบงก์ ออฟ อเมริกา และเวลส์ ฟาร์โก