ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (11 ม.ค.) ขานรับความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ย ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐและยูโรโซนอาจลดลง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 447.41 จุด เพิ่มขึ้น 1.70 จุด หรือ +0.38%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,924.19 จุด เพิ่มขึ้น 55.05 จุด หรือ +0.80%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,947.91 จุด เพิ่มขึ้น 173.31 จุด หรือ +1.17% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,724.98 จุด เพิ่มขึ้น 30.49 จุด หรือ +0.40%
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้น 5.4% แล้วในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลงท่ามกลางสภาพอากาศที่อบอุ่นขึ้น และข้อมูลที่บ่งชี้ว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยูโรโซนรุนแรงน้อยกว่าคาด
บรรดานักลงทุนรอการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ถึงสัญญาณเงินเฟ้อจากค่าแรงที่ชะลอลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้สนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า เฟดและ ECB จะชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ย
หุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย อาทิ หุ้นเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 1.3% ขณะที่หุ้นพลังงานบวก 0.9% และหุ้นเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น 0.1% เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มขึ้นรับความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการที่จีนเปิดประเทศ
หุ้นไบเออร์ของเยอรมนีพุ่งขึ้น 3.6% หลังแหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่าบริษัทบลูเบลกำลังผลักดันให้มีการแยกกิจการของไบเออร์
หุ้นหลุยส์วิตตองของฝรั่งเศสพุ่ง 2.1% หลังนายเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ประธานและซีอีโอได้เพิ่มอำนาจของครอบครัวเขาในธุรกิจสินค้าหรูหราโดยให้เดลฟีน ซึ่งเป็นบุตรสาวเข้ารับผิดชอบธุรกิจแบรนด์คริสเตียน ดิออร์