ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในคืนนี้จะบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว
ณ เวลา 20.15 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 102 จุด หรือ 0.3% สู่ระดับ 34,212 จุด
ตลาดจับตาดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนธ.ค.ในวันนี้ ซึ่งคาดว่าตัวเลข CPI ดังกล่าวจะบ่งชี้ภาวะชะลอตัวของเงินเฟ้อสหรัฐ
ทั้งนี้ ผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 6.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวจากระดับ 7.1% ในเดือนพ.ย.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI ทั่วไปทรงตัวในเดือนธ.ค. หรือ +0.0% จากระดับ 0.1% ในเดือนพ.ย.
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 5.7% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวจากระดับ 6.0% ในเดือนพ.ย.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค. จากระดับ 0.2% ในเดือนพ.ย.
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้สหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวในคืนนี้ เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อเมื่อเทียบรายปียังคงอยู่ในระดับสูง
"เรายินดีต้อนรับตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัว ซึ่งถือเป็นข่าวดี แต่ก็ยังไม่เพียงพอ" นางไดแอน สวองค์ หัวหน้านักวิเคราะห์จาก KPMG กล่าว
"เฟดยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับเกี่ยวกับการเกิดวิกฤตห่วงโซ่อุปทานรอบสอง โดยอาจเกิดจากจีนหรือรัสเซีย ทำให้เฟดยังไม่ต้องการประกาศชัยชนะเร็วเกินไป ซึ่งเฟดได้พูดอย่างชัดเจนแล้ว ขณะที่เฟดมีมุมมองแตกต่างจากตลาด โดยมองว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้" นางสวองค์กล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ ได้แก่ เจพีมอร์แกน, ซิตี้กรุ๊ป, แบงก์ ออฟ อเมริกา และเวลส์ ฟาร์โก