ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (13 ม.ค.) ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มธนาคาร รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสจากอังกฤษ
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 452.54 จุด เพิ่มขึ้น 2.32 จุด หรือ +0.52%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,023.50 จุด เพิ่มขึ้น 47.82 จุด หรือ +0.69%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,086.52 จุด เพิ่มขึ้น 28.22 จุด หรือ +0.19% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,844.07 จุด เพิ่มขึ้น 50.03 จุด หรือ +0.64%
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้น 1.8% ในรอบสัปดาห์นี้ และเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2
ตลาดหุ้นยุโรปได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจของอังกฤษขยายตัว 0.1% ในเดือนพ.ย. ซึ่งได้ช่วยคลายความวิตกที่ว่าเศรษฐกิจได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว
ส่วนข้อมูลของเยอรมนีนั้นบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจซบเซาในไตรมาส 4/2565 และขยายตัว 1.9% ทั้งปี 2565 ซึ่งบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจเยอรมนีอาจเพิ่งรอดพ้นจากภาวะถดถอยในช่วงฤดูหนาว
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อชะลอตัวลงในยูโรโซนและในสหรัฐ ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางสหรัฐชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารของยุโรปยังคงปรับตัวขึ้น 0.8%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มค้าปลีกที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้น 14% และ 15% ตามลำดับแล้วในปีนี้ หลังจากปรับตัวย่ำแย่ในปีที่ผ่านมาท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปขึ้นมากที่สุดในวันศุกร์ โดยหุ้นโนโว นอร์ดิสก์ และหุ้นโรช โฮลดิ้ง พุ่งขึ้น 2.5% และ 10.% ตามลำดับ