ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (16 ม.ค.) แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 9 เดือน แม้การซื้อขายเบาบาง เนื่องจากตลาดสหรัฐปิดทำการวันหยุดก็ตาม โดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มค้าปลีกได้ช่วยชดเชยการร่วงลงของหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 454.63 จุด เพิ่มขึ้น 2.09 จุด หรือ +0.46%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,043.31 จุด เพิ่มขึ้น 19.81 จุด หรือ +0.28%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,134.04 จุด เพิ่มขึ้น 47.52 จุด หรือ +0.31% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,860.07 จุด เพิ่มขึ้น 16.00 จุด หรือ +0.20%
ดัชนี STOXX 600 ปิดปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2565 ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงทะยานขึ้นในปีใหม่นี้ท่ามกลางความหวังเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ลดลงในสหรัฐและยุโรป
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้น 6.6% แล้วนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ขณะที่สภาพอากาศที่อบอุ่นขึ้นได้เพิ่มความหวังในการบรรเทาวิกฤติพลังงานในยุโรปที่เกิดจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน
บรรดานักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การประชุมฤดูหนาวประจำปีของสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum -WEF) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ระหว่างวันที่ 16-20 ม.ค.นี้ ซึ่งผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางและผู้นำอุตสาหกรรมของหลายชาติจะแสดงความเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก
หุ้นรายตัวที่ปรับตัวขึ้น อาทิ หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ พุ่ง 2.9% หลังเปิดเผยแผนการที่จะเปิดร้านใหม่อีก 20 แห่งในปีงบการเงิน 2566-2567 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนวงเงิน 480 ล้านปอนด์ (587 ล้านดอลลาร์)
หุ้นซิกา (Sika) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเคมีภัณฑ์ก่อสร้างของสวิสฯ พุ่งขึ้น 3.5% หลังตกลงที่จะขายธุรกิจสารผสม (admixture) ให้กับบริษัทอินนิออส (INEOS) ซึ่งเป็นบริษัทด้านเคมีภัณฑ์และพลังงานของสหรัฐ