ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันอังคาร (17 ม.ค.) แตะระดับสูงสุดครั้งใหม่ในรอบเกือบ 9 เดือน หลังการเปิดเผยรายงานบ่งชี้ว่า ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) กำลังพิจารณาที่จะชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 456.46 จุด เพิ่มขึ้น 1.83 จุด หรือ +0.40%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,077.16 จุด เพิ่มขึ้น 33.85 จุด หรือ +0.48%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,187.07 จุด เพิ่มขึ้น 53.03 จุด หรือ +0.35% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,851.03 จุด ลดลง 9.04 จุด หรือ -0.12%
ตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวขึ้นในช่วงท้ายตลาด หลังเผชิญแรงกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า จีนมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2565 อ่อนแอที่สุดในรอบ 50 ปี และโกลด์แมน แซคส์รายงานผลกำไรรายไตรมาสต่ำกว่าคาด
ดัชนี STOXX 600 แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. โดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ รวมถึงกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มนำตลาดปรับตัวขึ้น
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB ส่งสัญญาณว่า ยังคงมีแนวโน้มที่ ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนก.พ. และมีแนวโน้มปรับขึ้นอีก 0.25% ในเดือนมี.ค.
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้นเกือบ 7% แล้วนับตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน, แรงกดดันด้านราคาที่ลดลง และการคาดการณ์ที่ว่าภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจจะรุนแรงน้อยกว่าคาด
ข้อมูลที่เปิดเผยในวันอังคารบ่งชี้ว่า เงินเฟ้อของเยอรมนีลดลงอีกในเดือนธ.ค.
หุ้นรายตัวที่ปรับตัวขึ้น อาทิ หุ้นหลุยส์วิตตอง เพิ่มขึ้น 0.6% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งทำให้มาร์เก็ตแคปแตะ 4 แสนล้านยูโร (4.34 แสนล้านดอลลาร์) เป็นครั้งแรก และเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดของยุโรป