ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงกว่า 200 จุด บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวลงในคืนนี้ต่อเนื่องจากวานนี้
ณ เวลา 19.00 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 218 จุด หรือ 0.65% สู่ระดับ 33,168 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นในการซื้อขายช่วงแรกของวานนี้ ขานรับดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว
อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดดิ่งลงกว่า 600 จุด เนื่องจากตัวเลขยอดค้าปลีกที่อ่อนแอของสหรัฐทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายต่างกล่าวสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
นักลงทุนยังคงจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดเพื่อบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ด้านนายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารเจพีมอร์แกน เชส กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นสูงกว่าที่เฟดคาดการณ์ไว้ในขณะนี้ เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง
"ผมคิดว่าอัตราดอกเบี้ยจะดีดตัวสูงกว่า 5% เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงอยู่ในระดับสูง และสิ่งนี้จะไม่หายไปอย่างรวดเร็ว" นายไดมอนกล่าวในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์
ทั้งนี้ ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ในการประชุมเดือนธ.ค.2565 เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2566 และจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2567 โดยเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.1% ในปี 2566 ก่อนที่จะสิ้นสุดวัฏจักรการปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยระดับดังกล่าวเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2550
หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 5.1% ในปี 2566 หรือเทียบเท่ากับช่วงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ย 5.00-5.25% เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวเป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อจับตาดูผลกระทบของการคุมเข้มนโยบายการเงินที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ