ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันอังคาร (24 ม.ค.) โดยหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์นำตลาดปรับตัวลง หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของภาคเอกชนอังกฤษลดลงในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 2 ปีในเดือนม.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,757.36 จุด ลดลง 27.31 จุด หรือ -0.35%
เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของสหราชอาณาจักร ปรับตัวลงสู่ระดับ 47.8 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี จากระดับ 49.0 ในเดือนธ.ค.
ดัชนี PMI ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหราชอาณาจักรยังคงอยู่ในภาวะหดตัว และบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอาจเผชิญภาวะถดถอยในปีนี้ โดยถูกกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูง และอุปสงค์ที่อ่อนแอ ส่งผลให้คำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงานชะลอตัวลง แม้ว่าความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจสำหรับช่วง 1 ปีข้างหน้าพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน ท่ามกลางความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการชะลอตัวของเงินเฟ้อ
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มเหมืองแร่ ร่วงลง 2.4% และ 0.7% ตามลำดับ โดยหุ้นแอสตร้าเซนเนก้าและหุ้นเกล็นคอร์ ถ่วงตลาดลงมากที่สุด
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันหลังการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า รัฐบาลอังกฤษกู้ยืมเงินมากขึ้นในเดือนธ.ค.ซึ่งสูงกว่าเดือนธ.ค.ของปีอื่น ๆ ในรอบ 30 ปี ซึ่งสะท้อนถึงต้นทุนที่ระดับสูงในการอุดหนุนด้านพลังงาน และอัตราดอกเบี้ยตราสารหนี้ที่เพิ่มขึ้นตามเงินเฟ้อ
บรรดานักลงทุนคาดว่า มีโอกาส 69.5% ที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วยเช่นกันในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้าด้วยเช่นกัน