ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 300 จุด ขณะที่นักลงทุนกังวลต่อการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังบริษัทจดทะเบียนเปิดเผยผลประกอบการที่ซบเซา โดยได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 21.59 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,432.13 จุด ลบ 301.83 จุด หรือ 0.89%
ราคาหุ้นของบริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ป ดิ่งลง 4% หลังเปิดเผยคาดการณ์รายได้ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์เปิดเผยกำไรสูงกว่าคาดในช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค.2565 ซึ่งเป็นไตรมาส 2 ในปีงบการเงิน 2566 แต่รายได้ต่ำกว่าคาด
ไมโครซอฟท์ระบุว่ามีกำไร 2.32 ดอลลาร์/หุ้น โดยสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.29 ดอลลาร์/หุ้น
อย่างไรก็ดี บริษัทมีรายได้ 5.275 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.294 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์คาดการณ์ว่า รายได้ในไตรมาส 3 ของปีงบการเงิน 2566 จะขยายตัวราว 3% สู่ระดับ 5.05-5.15 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.243 หมื่นล้านดอลลาร์
ส่วนหุ้นของบริษัทโบอิ้งร่วงลงกว่า 1% หลังเปิดเผยว่า บริษัทประสบภาวะขาดทุนในไตรมาส 4/2565 สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าบริษัทมีกำไร ขณะที่รายได้ต่ำกว่าคาด โดยได้รับผลกระทบจากปัญหาห่วงโซ่อุปทาน
ทั้งนี้ โบอิ้งเปิดเผยว่า บริษัทประสบภาวะขาดทุน 1.75 ดอลลาร์/หุ้น สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่ามีกำไร 0.26 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 1.998 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.038 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน โบอิ้งเปิดเผยว่าบริษัทมีผลขาดทุน 5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2565 แม้รายได้เพิ่มขึ้น 7% สู่ระดับ 6.66 หมื่นล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2565 ในวันพรุ่งนี้ และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ โดยดัชนีดังกล่าวเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ และสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค ขณะที่ครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)