ดัชนีดาวโจนส์เปิดตลาดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ หลังการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่สูงเกินคาด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเทสลา และสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์
ณ เวลา 21.31 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 131.62 จุด หรือ 0.39% สู่ระดับ 33,875.46 จุด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับ GDP ประจำไตรมาส 4/2565 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.9% ในไตรมาสดังกล่าว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.8% หลังจากขยายตัว 3.2% ในไตรมาส 3
การขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงสิ้นปี 2565
การเปิดเผยตัวเลข GDP ดังกล่าวช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ หลังจากเศรษฐกิจหดตัว 1.6% ในไตรมาส 1/2565 และ 0.6% ในไตรมาส 2 ซึ่งทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค
นอกจากนี้ เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.1% ในปี 2565 หลังจากพุ่งแตะระดับ 5.9% ในปี 2564
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 5.6% ในเดือนธ.ค. หลังจากร่วงลง 1.7% ในเดือนพ.ย.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นเพียง 2.5% ในเดือนธ.ค.
ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนซึ่งพุ่งขึ้น 5.6% ในเดือนธ.ค. ถือเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบรายเดือนนับตั้งแต่เดือนก.ค.2563 โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อเครื่องบิน
นอกจากนี้ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐเพิ่มขึ้น 10.5% ในปี 2565 เมื่อเทียบกับปี 2564
นักลงทุนจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันพรุ่งนี้ โดยดัชนีดังกล่าวเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ และสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค ขณะที่ครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)