ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันจันทร์ (30 ม.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นบริษัทรายใหญ่ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,717.09 จุด ร่วงลง 260.99 จุด หรือ -0.77%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,017.77 จุด ลดลง 52.79 จุด หรือ -1.30% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,393.81 จุด ดิ่งลง 227.90 จุด หรือ -1.96%
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางชั้นนำ 3 แห่งของโลกในสัปดาห์นี้ โดยเฟดจะแถลงผลการประชุมในวันพุธที่ 1 ก.พ.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ 2 ก.พ.ตามเวลาไทย ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้
นอกจากนี้ ในวันพฤหัสบดีที่ 2 ก.พ.จะเป็นการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) โดยนักวิเคราะห์และนักลงทุนต่างก็คาดการณ์ซ่า ECB และ BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง 2.29% และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 1.94% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคขยับขึ้นเพียง 0.07%
สำหรับหุ้นเทคโนโลยีที่ดิ่งลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ รวมถึงหุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 2.2% หุ้นแอปเปิ้ล ร่วงลง 2.01% หุ้นอัลฟาเบท ดิ่งลง 2.45% หุ้นเมตา แพลตฟอร์ม ร่วงลง 3.08% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ดิ่งลง 3.91%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 2% โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 2.49% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 1.78% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.93%
หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ดิ่งลง 2.94% หลังจากบริษัทประกาศปรับลดราคารถยนต์
หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ร่วงลง 3.7% หลังจากมีรายงานว่าศาลสหรัฐได้ปฏิเสธคำร้องของ J&J ที่ต้องการจะใช้วิธียื่นขอล้มละลายเพื่อแก้ไขปัญหาในกรณีที่บริษัทถูกฟ้องร้องเป็นเงินหลายพันล้านดอลลาร์ จากผู้บริโภคซึ่งระบุว่าผลิตภัณฑ์แป้งเด็กของ J&J ซึ่งทำจากแร่ทัลก์ทำให้เกิดโรคมะเร็ง เนื่องจากมีการปนเปื้อนของแร่ใยหินซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง
นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงแอปเปิ้ล, อัลฟาเบท, แมคโดนัลด์ และเจเนอรัล มอเตอร์