ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันอังคาร (31 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหม่จากธนาคารกลางชั้นนำ แต่ดัชนีหุ้นยุโรปยังคงปรับตัวขึ้นในเดือนม.ค.เป็นเปอร์เซ็นต์สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 2558
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 453.21 จุด ลดลง 1.19 จุด หรือ -0.26%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,082.42 จุด เพิ่มขึ้น 0.41 จุด จุด หรือ +0.01%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,128.27 จุด เพิ่มขึ้น 2.19 จุด หรือ +0.01% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,771.70 จุด ลดลง 13.17 จุด หรือ -0.17%
ดัชนี STOXX 600 ปิดลบในวันอังคาร แต่ปรับตัวขึ้น 6.7% ในเดือนม.ค.ขานรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ดีกว่าคาด และสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
นักลงทุนจะจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นบททดสอบสำคัญของการทะยานขึ้นของราคาหุ้นในปีนี้ โดยคาดว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในวันพุธ ขณะที่คาดว่า ECB และ BoE อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในวันพฤหัสบดีนี้
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของยูโรโซนในวันอังคารแทบไม่ได้ช่วยคลายความวิตกของตลาด โดยเศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัวในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีที่ผ่านมา แต่ภาพรวมเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอ และคาดว่าเศรษฐกิจจะยังซบเซาในปีนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากยอดค้าปลีกของเยอรมนีที่ลดลงเกินคาดในเดือนธ.ค. ขณะที่เงินเฟ้อของฝรั่งเศสปรับตัวขึ้นในเดือนม.ค.เนื่องจากราคาพลังงานปรับตัวขึ้น
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ถ่วงตลาดลงมากที่สุด โดยหุ้นโนโว นอร์ดิสค์ และหุ้นโรช โฮลดิ้ง ร่วงลง
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยและหุ้นเหมืองแร่ร่วงลงกว่า 1%
หุ้นกลุ่มธนาคารบวก 0.6% แต่หุ้นบริการการเงินลดลง หลังยูบีเอสซึ่งเป็นผู้จัดการความมั่งคั่งรายใหญ่ที่สุดของโลก ร่วงลง 2.1% หลังคาดการณ์แนวโน้มที่ไม่แน่นอนในปีนี้
หุ้นยูนิเครดิต พุ่งขึ้น 12.3% สวนทางตลาด แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 5 ปีหลังเปิดเผยผลกำไรรายไตรมาสสูงเป็นประวัติการณ์