ตลาดหุ้นยุโรปปิดทรงตัวในวันพุธ (1 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนซื้อขายหุ้นอย่างระมัดระวัง ขณะรอผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งประกาศหลังจากตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการ รวมถึงความเห็นของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะบ่งชี้ถึงแผนการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟดในระยะต่อไป
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 453.09 จุด ลดลง 0.12 จุด หรือ -0.03%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,077.11 จุด ลดลง 5.31 จุด หรือ -0.08%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,180.74 จุด เพิ่มขึ้น 52.47 จุด หรือ +0.35% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,761.11 จุด ลดลง 10.59 จุด หรือ -0.14%
นอกจากนี้ นักลงทุนจะรอผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมของยุโรปช่วยหนุนดัชนี STOXX 600 ขึ้นมากที่สุด โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นดอยซ์ โพสต์และหุ้นแอร์บัส
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น 0.8% โดยได้แรงหนุนจากหุ้นบีบีวีเอ ซึ่งเป็นธนาคารของสเปน ทะยานขึ้น 4.7% หลังเปิดเผยผลกำไรสุทธิไตรมาส 4 เพิ่มขึ้น 17.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นของตลาดได้ถูกบดบังโดยการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ โดยหุ้นโนวาร์ติส ร่วง 2.7% หลังนักวิเคราะห์บ่งชี้ถึงแนวโน้มยอดขายที่อ่อนแอสำหรับเวชภัณฑ์หลักของบริษัท
ส่วนหุ้นโนโว นอร์ดิสค์ และหุ้นแกล็กโซสมิทไคล์น ร่วงลง 0.1% และ 0.3% ตามลำดับ แม้คาดการณ์ยอดขายที่แข็งแกร่งในปีนี้ และเปิดเผยผลกำไรไตรมาส 4/2565 ที่สูงเกินคาดก็ตาม
ข้อมูลจากรีฟินิทิฟ (Refinitiv) ที่เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (31 ม.ค.) บ่งชี้ว่า ตัวเลขประมาณการการขยายตัวของผลประกอบการของบริษัทในดัชนี STOXX 600 ในไตรมาส 4/2565 นั้น ลดลงครึ่งหนึ่งเหลือ 7.3% จาก 14.5% ในช่วงต้นเดือนม.ค.