ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (6 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนานกว่าที่คาดไว้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,891.02 จุด ลดลง 34.99 จุด หรือ -0.10%, ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,111.08 จุด ลดลง 25.40 จุด หรือ -0.61% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,887.45 จุด ลดลง 119.50 จุด หรือ -1.00%
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะที่นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีก 2 ครั้ง ในการประชุมเดือนมี.ค. และเดือนพ.ค. สู่ระดับสูงสุดที่ 5.00-5.25% ก่อนที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีกเพียง 1 ครั้งในการประชุมเดือนมี.ค. สู่ระดับ 4.75%-5.00% ก่อนที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงสุดดังกล่าว
นักลงทุนจับตาการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดที่มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนาซึ่งจัดโดยสมาคมเศรษฐกิจแห่งวอชิงตัน (Economic Club of Washington) ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ย หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรและดัชนีภาคบริการที่แข็งแกร่งในเดือนม.ค. ซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หุ้นเกือบทุกกลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ ยกเว้นหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค
หุ้นไทสัน ฟู้ดส์ ร่วงลง 4.6% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นนิวมอนท์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 4.5% หลังมีรายงานว่านิวมอนท์ได้ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการบริษัทนิวเครสท์ ไมนิ่ง ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองคู่แข่งในออสเตรเลีย ในวงเงิน 1.69 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างอาณาจักรเหมืองทองคำขนาดใหญ่ระดับโลก
หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐ หลังจากกองทัพสหรัฐยิงบอลลูนสอดแนมของจีน ขณะที่จีนอ้างว่าเป็นเรือเหาะสำหรับการสำรวจสภาพอากาศ ทั้งนี้ หุ้นพินตัวตัว (Pinduoduo) ร่วงลง 1.9% หุ้นเป่ยยีน (BeiGene) และหุ้น NIO ดิ่งลง 4.56% และ 2.32% ตามลำดับ
นักลงทุนรอดูรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทดิสนีย์, ดูปองท์ และเป๊ปซี่โค นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งรวมถึงดุลการค้าเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน