ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 100 จุด หลังนายนีล แคชแครี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินเนอาโพลิส หนุนเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 5.4%
ณ เวลา 21.10 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 101 จุด หรือ 0.3% สู่ระดับ 33,833 จุด
ทั้งนี้ นายแคชแครีกล่าวว่า เฟดยังคงมีงานที่ต้องทำอีกมากในความพยายามที่จะสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดเมื่อวันศุกร์
"สิ่งนี้ทำให้เราประหลาดใจ และบ่งบอกว่ามาตรการของเฟดยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน ทำให้ผมไม่เห็นแนวโน้มในการปรับลดคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของผม" นายแคชแครีกล่าว
นายแคชแครีระบุว่า เฟดจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 5.4% จากระดับ 4.50-4.75% ในขณะนี้
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 517,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 187,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2512 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6% นักลงทุนเกาะติดถ้อยแถลงของนายพาวเวล โดยเขามีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนาซึ่งจัดโดยสมาคมเศรษฐกิจแห่งวอชิงตัน (Economic Club of Washington) ในคืนนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ตลาดกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนานกว่าที่คาดไว้ และสูงกว่าระดับ 5% หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีก 2 ครั้ง ในการประชุมเดือนมี.ค. และเดือนพ.ค. สู่ระดับสูงสุดที่ 5.00-5.25% ก่อนที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีกเพียง 1 ครั้งในการประชุมเดือนมี.ค. สู่ระดับ 4.75%-5.00% ก่อนที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงสุดดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ตลาดจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง บริษัทดิสนีย์ ดูปองท์ เป๊ปซี่โค และไทสัน ฟู้ดส์ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ ได้แก่ ดุลการค้า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน