ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันอังคาร (7 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน แม้นักลงทุนมีความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่รอการแสดงความเห็นของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังปิดตลาด
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 458.19 จุด เพิ่มขึ้น 1.03 จุด หรือ +0.23%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,132.35 จุด ลดลง 4.75 จุด หรือ -0.07%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,320.88 จุด ลดลง 25.03 จุด หรือ -0.16% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,864.71 จุด เพิ่มขึ้น 28.00 จุด หรือ +0.36%
หุ้นกลุ่มพลังงานนำตลาดปรับตัวขึ้น โดยพุ่งขึ้น 3.0% หลังหุ้นบีพีทะยานขึ้น 8% จากการรายงานผลกำไรที่สูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2565 และปรับเพิ่มเงินปันผล
หุ้นกลุ่มธนาคาร พุ่งขึ้น 1.2% เนื่องจากหุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ พุ่งขึ้น 2.6% หลังปรับเพิ่มเป้าหมายผลการดำเนินงานในปี 2568 และเปิดเผยรายได้ขยายตัวเกินคาด
แต่การร่วงลงของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิ เนสท์เล่ และยูนิลีเวอร์นั้น ได้จำกัดการปรับตัวขึ้นของตลาด
บรรดานักลงทุนในยุโรปจับตาการแสดงความเห็นของนายพาวเวลหลังปิดตลาด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ หลังจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้กำหนดนโยบายรายอื่น ๆ ของเฟด อาทิ นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา และนายนีล แคชแครี ประธานเฟดสาขามินเนอาโพลิสได้ย้ำถึงความจำเป็นที่จะปรับตัวขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอการแสดงความเห็นจากเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้แก่นายปีเตอร์ คาซิมีร์และนายคลาส น็อตด้วย
สำหรับปัจจัยลบในตลาดได้แก่ผลสำรวจของ ECB ที่บ่งชี้ว่า การคาดการณ์เงินเฟ้อของยูโรโซนปรับตัวขึ้นอีกครั้งในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา และการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีลดลงมากเกินคาดในเดือนธ.ค.
หุ้นซีเมนส์ เอเนอร์จี ร่วงลง 2.3% หลังจากการเปิดเผยแผนเพิ่มทุนเพื่อใช้ในการเทกโอเวอร์ธุรกิจพลังงานลมที่ประสบปัญหา