ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (8 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากความเห็นเชิงบวกของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวันอังคาร (7 ก.พ.) และการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทด้านพลังงานและเคมีภัณฑ์
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 459.46 จุด เพิ่มขึ้น 1.27 จุด หรือ +0.28%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,119.83 จุด ลดลง 12.52 จุด หรือ -0.18%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,412.05 จุด เพิ่มขึ้น 91.17 จุด หรือ +0.60% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,885.17 จุด เพิ่มขึ้น 20.46 จุด หรือ +0.26%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นขานรับนายพาวเวลกล่าวเมื่อวันอังคารว่า เงินเฟ้อเข้าสู่กระบวนการปรับตัวลง ซึ่งถูกตีความว่าเฟดอาจจะคุมเข้มนโยบายการเงินน้อยกว่าที่ตลาดวิตกกันในอนาคตหลังจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว
แต่ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือนที่เข้าทดสอบในช่วงเช้าหลังจากเจ้าหน้าที่เฟดคนอื่น ๆ แสดงความเห็นสนับสนุนการคุมเข้มนโยบายการเงิน
นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขานิวยอร์กและนางลิซา คุก ผู้ว่าการเฟดกล่าวว่า เฟดยังคงจำเป็นต้องดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อไปเพื่อจัดการกับเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ นายคลาส น็อต ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุว่า ECB อาจต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมากไปจนถึงเดือนพ.ค. หากเงินเฟ้อไม่ลดลงเมื่อถึงเวลานั้น
อย่างไรก็ตาม สัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและผลประกอบการที่ดีเกินคาดได้ช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นราว 8% แล้วในปีนี้
บริษัท 93 แห่งในดัชนี STOXX 600 รายงานผลประกอบการออกมาแล้ว โดยมากกว่าครึ่งมีผลประกอบการสูงกว่าคาด
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.7% หลังบริษัทในกลุ่มนี้รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ที่สูงเกินคาด อาทิ หุ้นเนสเต (Neste) ซึ่งเป็นโรงกลั่นน้ำมันของฟินแลนด์ พุ่ง 10.6% และหุ้นอีควินอร์ (Equinor) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตน้ำมันและก๊าซของนอร์เวย์ พุ่งขึ้น 6.8%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์ที่พุ่งขึ้น 1.2% หลังเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน