ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันศุกร์ (10 ก.พ.) เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้บดบังการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจของอังกฤษหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้ในไตรมาส 4 แต่การปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานได้ช่วยลดช่วงติดลบในตลาด
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,882.45 จุด ลดลง 28.70 จุด หรือ -0.36% และปรับตัวลง 0.31% ในรอบสัปดาห์นี้
ตลาดปรับตัวลงโดยถูกกดดันจากความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ที่บ่งชี้ถึงความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
แต่หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ พุ่งขึ้นเกือบ 2.8% ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มเดินทางและนันทนาการ ร่วงลง 3.3%
อังกฤษเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอังกฤษขยายตัว 0% ในไตรมาส 4/2565 ซึ่งเป็นไปตามที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดไว้ ซึ่งบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสามารถหลีกเลี่ยงการเข้าสู่ภาวะถดถอยได้
สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยในวันศุกร์ว่า เศรษฐกิจอังกฤษในไตรมาส 4/2565 เติบโต 0.0% หลังจากหดตัว 0.2% ในไตรมาส 3/2565 ซึ่งหมายความว่ารอดพ้นการเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคได้อย่างฉิวเฉียด โดยภาวะถดถอยทางเทคนิคหมายถึงการที่เศรษฐกิจหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส
หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วง 5% หลังธนาคารเฟิสต์ อาบู ดาบี แบงก์ (FAB) ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ระบุว่า จะไม่มีการพิจารณาในขณะนี้เกี่ยวกับข้อเสนอในการซื้อกิจการสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด
หุ้นบาร์เคลย์ ร่วงลง 2.0% หลังมีรายงานว่าหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของอังกฤษกำลังทำการตรวจสอบบาร์เคลย์เกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎระเบียบและระบบต่อต้านการฟอกเงิน