ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อยในวันอังคาร (14 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน แต่ตลาดลดช่วงบวกลง หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงเกินคาดซึ่งทำให้เกิดความวิตกว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 462.40 จุด เพิ่มขึ้น 0.37 จุด หรือ +0.08%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,213.81 จุด เพิ่มขึ้น 5.22 จุด หรือ +0.07%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,380.56 จุด ลดลง 16.78 จุด หรือ -0.11% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,953.85 จุด เพิ่มขึ้น 6.25 จุด หรือ +0.08%
ดัชนี STOXX 600 ปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อย หลังพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปีในการซื้อขายช่วงเช้า โดยตลาดได้รับผลกระทบจากการที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันอังคารว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐขยายตัวในเดือนม.ค. แต่สัญญาณการชะลอตัวของแรงกดดันด้านราคานั้น อาจทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่รุนแรง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์รายหนึ่งระบุว่า ตลาดหุ้นยุโรปถูกกดดันหลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐ เนื่องจากคาดว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามเฟด
ข้อมูลการจ้างงานของยูโรโซนขยายตัวสองเท่าในไตรมาส 4 ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่อาจทำให้อัตราดอกเบี้ยจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป
นายกาเบรียล มาคลูฟ กรรมการ ECB กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับวอลล์สตรีท เจอร์นัลว่า ECB อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเหนือระดับ 3.5% และไม่มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้น 8.8% แล้วในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด และแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนที่สดใสขึ้น
หุ้นกลุ่มเทเลคอมนำตลาดปรับตัวขึ้น 1.5% ในวันอังคาร โดยหุ้นโวดาโฟน พุ่งขึ้น 3.4% หลังลิเบอร์ตี โกลบอลซื้อหุ้น 5% ของโวดาโฟน
หุ้นกลุ่มเดินทางและนันทนาการปรับตัวขึ้น 1.3% โดยได้แรงหนุนจากหุ้นฟลัทเทอร์ เอนเทอร์เทนเมนต์ ซึ่งเป็นบริษัทพนันออนไลน์ของอังกฤษที่ปรับตัวขึ้น 1.8% หลังเปิดเผยว่า จะเริ่มหารือกับผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับการนำหุ้นเข้าทะเบียนในสหรัฐ
หุ้นโคคา-โคลา เอชบีซี พุ่งขึ้น 5.0% หลังรายงานผลกำไรจากการดำเนินงานทั้งปีที่ดีกว่าคาด