ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (15 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มบริษัทจำหน่ายสินค้าหรูหรา ซึ่งหนุนตลาดหุ้นฝรั่งเศสพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และได้ช่วยบดบังความวิตกเกี่ยวกับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐซึ่งจะเปิดทางให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 464.36 จุด เพิ่มขึ้น 1.96 จุด หรือ +0.42%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,300.86 จุด เพิ่มขึ้น 87.05 จุด หรือ +1.21%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,506.34 จุด เพิ่มขึ้น 125.78 จุด หรือ +0.82% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,997.83 จุด เพิ่มขึ้น 43.98 จุด หรือ +0.55%
ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส พุ่งขึ้นใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7,384.86 ซึ่งเข้าทดสอบเมื่อเดือนม.ค.ปีที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากหุ้นหลุยส์วิตตองของฝรั่งเศส ซึ่งพุ่งขึ้น 1.5% หลังบริษัทเปิดเผยว่าได้ว่าจ้างนายฟาร์เรล วิลเลียมส์ มาดูแลการออกแบบเสื้อผ้ายบุรุษ ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ขานรับการตัดสินใจดังกล่าว
หุ้นคาร์ฟูร์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกอาหารรายใหญ่ที่สุดของยุโรป พุ่งขึ้น 8.5% ขานรับแผนซื้อหุ้นคืนที่สูงเกินคาด
หุ้นเคอริ่ง พุ่งขึ้น 3.0% จากแรงซื้อของนักลงทุนที่ให้ความสนใจกับผลกระทบจากการเปิดประเทศของจีนมากกว่ารายได้รายไตรมาสที่ร่วงลง
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมช่วยหนุนดัชนี STOXX 600 ด้วย โดยหุ้นแอร์บัสและหุ้นซีเมนส์ปรับตัวขึ้น
ตลาดหุ้นลอนดอนก็ปรับตัวขึ้นด้วย โดยได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง หลังอังกฤษเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อลดลงมากเกินคาดในเดือนม.ค.
นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนช่วยหนุนตลาดด้วย โดยหุ้นไฮเนเก้น พุ่ง 2.8% ขานรับผลกำไรปี 2565 ที่สูงเกินคาด และหุ้นอาโฮลด์ เดอแลซ บริษัทสัญชาติดัตช์-เบลเยียมที่ดำเนินธุรกิจค้าปลีก พุ่งขึ้น 8.0% หลังรายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่งเกินคาด